ท้าลมหนาว กับ "5 อุทยานฯ" ทั่วไทย

  • Posted on: 11 November 2016
  • By: thailandladygol...

อากาศหนาวๆ ทะเลหมอกสวยๆ เป็นสิ่งที่หลายคนถวิลหา เมื่อถึงฤดูหนาว ซึ่งถือเป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว ดังนั้นในแต่ละปี อุทยานแห่งชาติต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามที่กล่าวมานี้ จึงเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวนับพันนับหมื่นคน ที่หลั่งไหลกันมาชมบรรยากาศอันงดงาม ของแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทย

พิชิต "ภูกระดึง" สัมผัสลมหนาวแห่งดินแดนอีสาน


       "อุทยานแห่งชาติภูกระดึง" ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่พิสมัยการขึ้นเขาและ สัมผัสความหนาวเย็นบนยอดภู ด้วยความสูงนับพันเมตรจากระดับน้ำทะเล ต้องเดินผ่าน "ซำ" หรือที่พักระหว่างทางเดินต่างๆ เช่น ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ฯลฯ รวมแล้วกว่า 5 กิโลเมตร ประกอบกับเป็นทางสูงชัน ทำให้ภูกระดึงเป็นสิ่งท้าทายให้ผู้คนอยากจะไปถ่ายรูปกับป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" ให้ได้
       
       สภาพธรรมชาติบนภูกระดึงอันอุดมสมบูรณ์และหลากหลาย มีทั้งป่าสนเขา ป่าดิบ ทุ่งหญ้า น้ำตก หน้าผาสวยๆ และมีอากาศที่เย็นสบาย ทำให้ภูกระดึงเป็นยอดภูที่หลายๆ คนประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อช่วงหน้าหนาวมาเยือนเช่นนี้ เป็นช่วงที่เหมาะแก่การมาสัมผัสลมหนาวบนยอดภูกระดึงเป็นอย่างยิ่ง
       
       แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูกระดึงนั้นก็มีมากมาย โดยจุดท่องเที่ยวที่ถือเป็นไฮไลต์ คือ "ผาหล่มสัก" ลานหินกว้างที่มีต้นสนต้นหนึ่งขึ้นอยู่ชิดริมกับชะง่อนผาที่ยื่นออกไปกลาง อากาศ ถือเป็นสัญลักษณ์ของที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่านี่คือภูกระดึง บริเวณผาหล่มสักนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสลับซับซ้อนในเขต จังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจนและงดงามมาก
       
       "ผานกแอ่น" ลานหินเล็กๆ ที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมาก อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างเป็นท้องทุ่งและ เทือกเขา และบริเวณริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดง ใหญ่ จะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม-เมษายน ส่วน "ผาหมากดูก" ก็เป็นลานหินสำหรับชมพระอาทิตย์ตกที่อยู่ใกล้กับที่พักมากที่สุด และสามารถชมทิวทัศน์ภูผาจิตในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวได้ด้วย
       
       นอกจากนั้นบนภูกระดึงก็ยังมีแหล่งเที่ยวอีกหลายแห่ง อาทิ สระอโนดาต สระน้ำตามธรรมชาติมีน้ำตลอดปี มีต้นสนสองใบและสามใบขึ้นตามรอบสระ ลานวัดพระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2463
       ลานหินพระพุทธเมตตา เป็นจุดชมพันธุ์ไม้บนลานหิน เช่น ดุสิตา กระดุมเงิน เอื้องม้าวิ่ง
       
       น้ำตกบนภูกระดึงก็มีหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาวช่วงเดือนธันวาคมจะมีใบเมเปิ้ลสีแดงผลัดใบร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำ ส่วนน้ำตกโผนพบ ก็เป็นน้ำตกใหญ่ ตัวน้ำตกมี 8 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร จะมีน้ำมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว

เที่ยว "อินทนนท์" ชมดอยสูงสุดในสยาม


       "ดอยอินทนนท์" ดอยที่ทอดตัวสืบเนื่องมาจากเทือกเขาหิมาลัย หลังคาโลกอันหนาวเย็น ด้วยความสูง 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ดอยอินทนนท์ถือเป็นดอยที่สูงที่สุดแห่งสยาม มีอากาศหนาวเย็นและชุ่มชื้นตลอดทั้งปี
       
       นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเที่ยวชมบนยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งนอกจากจะเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังมีอากาศที่หนาวเย็น และหนาวจัดจนมีน้ำค้างแข็ง หรือ "แม่คะนิ้ง" ในฤดูหนาว อีกทั้งต้นไม้ในบริเวณยอดดอยก็จะแตกต่างจากที่อื่นเพราะมีสภาพเป็นป่าโบราณ ตามต้นไม้มีเฟิร์นและมอสหลายชนิดจับเขียวครึ้ม และยังมีพันธุ์ไม้ดอก เช่น กุหลาบป่าที่มีดอกใหญ่โต เรียกว่า"กุหลาบพันปี"
       

       นอกจากนี้ ยังมี "ลานข้าวตอกฤๅษี" ซึ่งเป็นชื่อของมอสชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่หนาแน่นเต็มลานหิน มีสีเขียวสลับสีน้ำตาลอ่อนๆ มอสชนิดนี้จะขึ้นได้เฉพาะที่สูง ความชื้นมาก และอากาศหนาวเย็นเท่านั้น และด้านบนยังเป็นที่ประดิษฐาน "สถูปบรรจุอัฐิเจ้าอินทวิชยานนท์" อดีตเจ้าเมืองเชียงใหม่ด้วย
       
       บนดอยอินทนนท์ยังเป็นที่ตั้งของ "โครงการหลวงอินทนนท์-ขุนวาง" ที่คิดค้นและวิจัยพืชผักผลไม้นานาชนิด อาทิ สตรอเบอรี่ กีวีฟรุต องุ่นไร้เมล็ด กาแฟอราบิก้า และพวกไม้ดอกเช่น กุหลาบ แคกตัส เยอบีร่า ไฮเดรนเยีย โพรเทีย เบญจมาศ หน้าวัว เยอบีร่า รวมทั้งยังมีการวิจัยเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราท์ได้สำเร็จแห่งแรกและแห่งเดียวใน ประเทศไทยอีกด้วย
       
       นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมายังดอยอินทนนท์ยังสามารถมาไหว้พระธาตุ 2 องค์เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตัวเองได้ที่ "พระมหาธาตุนภเมทนีดล" เจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายในหลวง เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ.2530 และ "พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ" เจดีย์ซึ่งสร้างถวายพระราชินีในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ.2535

ชมทะเลหมอกงามที่ "ห้วยน้ำดัง"


       แหล่งชมทะเลหมอกที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยี่ยมเยือนมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งก็คือที่ "อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง" อุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่แตง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
       
       นักท่องเที่ยวนิยมมากางเต็นท์บริเวณจุดกางเต็นท์ และตื่นแต่เช้าเพื่อมารอชมทะเลหมอก และชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งหากวันไหนอากาศเป็นใจก็จะได้เห็นหมอกหนาลอยเรี่ยอยู่ระหว่างไหล่เขามอง ดูคล้ายทะเล เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวหลายๆคน
       
       นอกจากการชมทะเลหมอกแล้ว นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถชมวิวสวยๆได้ที่จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม) เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุด มีชื่อเสียงมากในด้านการคอยชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาว จุดชมวิวดอยช้าง อยู่บนดอยช้างขึ้นไปทางเหนือของห้วยน้ำดัง สามารถมองเห็นสภาพธรรมชาติของทิวเขาอันสลับซับซ้อน ทะเลหมอกในตอนเช้าตรู่ได้ชัดเจน
       
       แต่หากอากาศหนาวจัดจนทนไม่ไหว ก็ต้องมาหาความอบอุ่นกันที่โป่งน้ำร้อนโป่งเดือด น้ำพุร้อนขนาดใหญ่ จำนวน 3-4 บ่อ และยังมีบ่อเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไป อุณหภูมิน้ำผิวดินประมาณ 90-99 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนจะพุ่งจากใต้ดินตลอดเวลา บางครั้งพุ่งสูงถึง 2 เมตร และ โป่งน้ำร้อนท่าปาย ที่มีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากดิน น้ำร้อนจะไหลรวมกันเป็นธารน้ำร้อนขยายเป็นบริเวณกว้าง อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส
       
       นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีน้ำตกห้วยน้ำดัง เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยน้ำดัง มีโขดหินมากมาย สภาพโดยทั่วๆ ไปชุ่มชื้นไปด้วยพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้นและโขดหินที่สวยงาม น้ำตกแม่เย็น เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยแม่เย็นหลวง ซึ่งจะไหลลงมาสู่แม่น้ำปายต่อไป เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สูง มีน้ำไหลตลอดปี และกิจกรรมสำหรับคนชอบผจญภัยก็คือการล่องแพลำน้ำแม่แตง เดินทางตามเส้นทางทัวร์ป่าจากน้ำพุร้อนโป่งเดือดจนถึงบ้านปางป่าคา หรือบ้านป่าข้ามหลาม จากนั้นเริ่มล่องแพใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง จะถึงบ้านสบก๋วยซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของการล่องแพ

ชมทะเลหมอกใกล้กรุงที่ "แก่งกระจาน"


       ใช้เวลาเพียงสองสามชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร นักท่องเที่ยวก็สามารถชมทะเลหมอกได้ง่ายๆไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือ ที่ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" ในจังหวัดเพชรบุรี อุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศ มีอาณาเขตครอบคลุมจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรีอีกด้วย
       
       แม้อากาศบนยอดเขาจะไม่หนาวจัดจนมีน้ำค้างแข็งเหมือนยอดดอยทางภาค เหนือ แต่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก็มีทะเลหมอกที่สวยไม่แพ้ภูไหนๆ โดยจุดชมทะเลหมอกนั้นอยู่บนเขาพะเนินทุ่งด้านบนอุทยาน ไม่ไกลจากจุดกางเต็นท์มากนัก การเดินทางขึ้นเขาพะเนินทุ่งนั้นจะเปิดให้ขึ้นและลงเป็นเวลา เนื่องจากเส้นทางด้านบนนั้นค่อนข้างแคบ รถสวนกันลำบาก จึงต้องสลับกันขึ้นลง นักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปบนเขาพะเนินทุ่งจึงควรตรวจสอบเวลาการขึ้นลง กับทางอุทยานเสียก่อน
       
       ณ จุดชมทะเลหมอกที่เขาพะเนินทุ่งนี้ หากมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน มองเห็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ แต่ในช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ก็จะมีหมอกหนาเป็นปุยมาบดบัง สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวมานักต่อนัก และที่จุดเดียวกันนี้ก็ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามด้วยเช่นกัน
       
       นอกจากการชมทะเลหมอกแล้ว กิจกรรมในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก็ยังมีอีกมากมาย เช่น การดูผีเสื้อ ซึ่งมีผีเสื้อให้ชมกว่า 250 ชนิด การดูนก โดยผืนป่าแก่งกระจานแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักดูนกเลยทีเดียว โดยมีรายงานการสำรวจพบนกเกือบ 400 ชนิด โดยเฉพาะนกเงือกซึ่งในประเทศไทยมีทั้งหมด 12 ชนิด นั้น พบได้ที่ป่าแก่งกระจานถึง 6 ชนิด และนักท่องเที่ยวยังจะได้พบกับค่างแว่นถิ่นใต้ เจ้าถิ่นในแถบนี้ที่มีชื่อตามลักษณะของมันคือมีวงกลมสีขาวรอบตาเหมือนกับใส่ แว่น ลำตัวและแขนขามีขนสีเทาปกคลุม
       
       หรือหากใครไม่อยากขึ้นไปจนถึงพะเนินทุ่ง จะมากางเต็นท์นอนเล่นชมบรรยากาศบริเวณริมเขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศก็ได้เช่นกัน โดยบริเวณนี้ก็เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ

เรียนรู้ประวัติศาสตร์กลางธรรมชาติที่ "ภูหินร่องกล้า"
       


       หากใครได้มาเยือน "อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" ก็จะได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์การเมืองไทยในช่วงปี พ.ศ.2511-2525 โดยบริเวณนี้เคยเป็นฐานที่มั่นใหญ่ในการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ เป็นผลเกิดปัญหาความมั่นคงทางการเมืองขึ้น แต่หลังจากเหตุการณ์สงบ ต่อมาในปี พ.ศ.2527 ก็ได้มีการพัฒนาพื้นที่ ส่งผลให้ภูหินร่องกล้าเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 48 ของประเทศ มีอาณาเขตครอบคลุมรอยต่อสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
       
       แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าก็ถือว่าสวยงามไม่แพ้ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น "ลานหินแตก" ลาน หินที่มีลักษณะพิเศษตรงที่เป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดิน แยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบ บางรอยกว้างพอก้าวข้ามได้ แต่บางรอยกว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามได้ สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกจึงทำให้พื้นหิน นั้นแตกเป็นแนวนอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส ไลเคนส์ ตะไคร่ เฟิน และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ
       
       ส่วน "ลานหินปุ่ม" ก็มีลักษณะพิเศษตามชื่อที่เป็นเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มมีขนาดไล่เลี่ยกัน คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้เนื่องจากอยู่บนหน้าผา จึงมีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน
       
       และ "ผาชูธง" นอกจากจะเป็นหน้าผาสูงชันสามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวนงามแห่งหนึ่งแล้ว บริเวณนี้ก็ยังเคยเป็นสถานที่ที่ผกค.จะขึ้นไปชูธงแดง (ฆ้อนเคียว) ทุกครั้งที่รบชนะทหารของรัฐบาลอีกด้วย
       
       
       "อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์" ตั้งอยู่ที่ 119 หมู่7 ต.บ้านหลวง อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ 50160 สอบถามโทร.0-5328-6730, 0-5328-6728
       
       "อุทยานแห่งชาติภูกระดึง" ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย เปิดให้ท่องเที่ยวเที่ยวบนยอดภูกระดึงในช่วงเดือนต.ค.-พ.ค. สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-4287-1333
       
       "อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" ตั้งอยู่ที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก 65120 สอบถามโทร.0-5523-3527
       
       "อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง" ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50150 สอบถามโทร.0-5324-8491, 0-5326-3910, 08-4908-1531
       
       "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" ตั้งอยู่ใน ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 76170 สอบถามโทร.0-3245-9293

ภาพและ บทความจาก www.manager.co.th/travel